การใช้งาน VS Code IDE แบบ Remote Development#


VS Code#

Visual Studio Code (VS Code) ของบริษัท Microsoft เป็นซอฟต์แวร์ประเภท IDE ซึ่งเป็น Open Source, Cross-platform เหมาะสำหรับนำมาใช้พัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน เช่น ภาษา C/C++, C#, Java, Go และ Python เป็นต้น

การติดตั้งและใช้งาน VS Code ก็ทำได้ไม่ยาก และผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้งส่วนขยายต่าง ๆ เพิ่มได้ (เรียกว่า VS Code Extensions) เช่น ส่วนขยาย IntelliSense ที่มีความสามารถ หรือ "ฟีเจอร์" (Features) ที่เรียกว่า Syntax Highlighting และ ** Auto Code Completion** ช่วยอำนวยความสะดวกในการเขียนโค้ด การเขียนโค้ดจะทำได้ง่ายขึ้น

บทความนี้แนะนำการใช้งาน VS Code IDE สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows แต่สามารถเขียนและคอมไพล์ซอร์สโค้ดบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ที่เข้าถึงได้ผ่านระบบเครือข่าย โดยใช้ SSH (Secure Shell Protocol) หรือจะเป็นเครื่องเสมือนจริงที่ทำงานโดยใช้ Virtual Machine เช่น Oracle VirtualBox VM เป็นต้น

ส่วนขยายที่จะมาแนะนำให้ลองใช้งาน คือ Remote Development Extension Pack ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ดังนี้

  • Remote - SSH ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบหรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่านทาง SSH / OpenSSH
  • Remote - Containers รองรับการใช้งานซอฟต์แวร์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้งานภายใต้ ** Docker Container โดยใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ Docker Desktop**
  • Remote - WSL รองรับการใช้งาน ** Windows Subsystem for Linux (WSL2) สำหรับผู้ใช้ Windows 10 หรือ 11**

รูป: การเชื่อมต่อระหว่าง Local Host กับ Remote Host ด้วย SSH

เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ (เรียกว่า Local Host / OS) จะต้องมีการติดตั้ง VS Code IDE และ ** Remote Development Extension Pack ไว้แล้ว จากนั้นจึงสามารถเชื่อมต่อไปยังคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็น Remote Host /OS เช่น Ubuntu Linux, Raspbian OS (สำหรับบอร์ด Raspberry Pi) หรือ คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันที่ได้ติดตั้งและเปิดใช้งาน WSL2**

 


การติดตั้ง VS Code Extensions#

ในบทความนี้ จะใช้ VS Code IDE (ใช้เวอร์ชัน v1.70) สำหรับ Windows ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไฟล์สำหรับการติดตั้งได้จาก code.visualstudio.com มาติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้

จากนั้นเปิดใช้งาน VS Code IDE แล้วไปค้นหา Extensions โดยกดคีย์ Ctrl + Shift + X

รูป: เปิดใช้งาน VS Code IDE สำหรับ Windows

รูป: ค้นหา Remote Development Extension Pack คลิกเลือกและกดปุ่ม Install เพื่อติดตั้ง Remote Development Extension Pack

เมื่อกด Install แล้ว จะมีการติดตั้งส่วนขยายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Remote SSH, Remote WSL และ Remote Containers


การเข้าใช้งาน Raspberry Pi จาก VS Code IDE#

ในส่วนนี้เป็นการสาธิต การเข้าใช้ผ่านระบบเครือข่ายไปยังบอร์ด Raspberry Pi ที่ได้ติดตั้ง Raspbian OS (64-bit) มีการเปิด SSH Server / Service ที่พอร์ต 22 เอาไว้แล้ว และอนุญาตให้เข้าใช้งานจากภายนอกได้

ถัดไปเป็นการใช้ Remote - SSH ของ VS Code IDE บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ (Local OS - Windows) เพื่อเชื่อมต่อและเข้าใช้งานได้เหมือน SSH Client

คลิกเลือกไอคอน Remote Explorer ทางซ้ายมือของ VS Code IDE ** แล้วเลือก SSH Targets** เพื่อเพิ่มรายการ

รูป: เปิดใช้งาน Remote Explorer และเพิ่ม SSH Target

ในตัวอย่างนี้ จะเพิ่มรายการ SSH Target สำหรับการเข้าใช้งานบอร์ด Raspberry Pi ที่อยู่ในระบบเครือข่ายเดียวกัน โดยสามารถระบุชื่อของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น raspberrypi.local ในรูปตัวอย่าง พร้อมชื่อผู้ใช้ pi โดยเขียนเป็น ssh pi@raspberrypi.local

แต่ถ้าชื่อผู้ใช้แตกต่างไปจากตัวอย่าง (ไม่ใช่ pi) หรือต้องการระบุเป็นหมายเลข IP Address หรือใช้ชื่ออื่นสำหรับ Host Name สำหรับบอร์ด Raspberry Pi ในระบบ LAN / WiFi ก็จะต้องกำหนดค่าให้ถูกต้อง ก่อนเริ่มต้นการเชื่อมต่อ

VS Code จะต้องเก็บบันทึกการตั้งใช้งาน SSH Target ลงในไฟล์ .ssh/config โดยทั่วไป ก็จะเก็บไว้ในไดเรกทอรีของผู้ใช้

รูป: แสดงรายการ SSH Target ที่ได้เพิ่มเข้ามาในไฟล์ .ssh/config

จากนั้นให้กดปุ่มเลือก Connect to Host in Current Window เพื่อเชื่อมต่อกับ SSH Target และจะต้องมีการป้อนรหัสผ่านของผู้ใช้ pi สำหรับ Rasbperry Pi

รูป: เลือก Platform เป็น Linux และจะมีการติดตั้ง VS Code Server ในระบบของ Raspberry Pi โดยอัตโนมัติ

เมื่อเชื่อมต่อได้สำเร็จแล้ว จะปรากฎหน้าต่างในลักษณะต่อไปนี้

รูป: แสดงการทำคำสั่งใน Bash Shell Terminal ของ Raspberry Pi

เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว ผู้ใช้สามารถทำคำสั่งต่าง ๆ ใน Bash Shell ของ Raspberry Pi เช่น การสร้างไดเรกทอรีใหม่ภายใต้ไดเรกทอรีของผู้ใช้ $HOME หรือ ~/ เช่น ~/Demo ในตัวอย่างนี้ โดยใช้คำสั่งใน Terminal

$ make -p ~/Demo

 

ขั้นตอนถัดไป ให้กดปุ่ม Ctrl+Shift+X ค้นหาและติดตั้งส่วนขยายที่มีชื่อว่า C/C++ Extension ไปยัง Remote Host / OS

รูป: การติดตั้ง C/C++ Extension

นอกจากนั้นแล้ว จะต้องมีการติดตั้ง GNU C/C++ Toolchain และ GNU Debugger (GDB) ไว้สำหรับ Raspberry Pi ด้วย โดยทำคำสั่งใน Terminal ดังนี้

$ sudo apt install -y build-essential gdb

 

ถัดไป ให้กดปุ่ม Connected to Remote > Open Folder เลือกเปิดไดเรกทอรีที่ได้สร้างเอาไว้แล้ว ซึ่งเป็นการเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ ให้สร้างไฟล์ main.c เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์

ตัวอย่างโค้ดสำหรับไฟล์ main.c ในไดเรกทอรีของโปรเจกต์ (~/Demo)

#include <stdio.h>

int main( void ) {
    printf( "Hello World on Raspberry Pi!\n" );
    return 0;
}

 

รูป: ขั้นตอน Open Folder และการสร้างไฟล์ main.c สำหรับเขียนโค้ดภาษา C

ถัดไป ให้กดปุ่ม Run and Debug และผู้ใช้จะต้องตั้งค่าการใช้งานสำหรับคอมไพเลอร์ เช่น เลือกใช้ gcc ที่ได้ติดตั้งไว้แล้วในระบบ

รูป: การตั้งค่าการใช้งานสำหรับคอมไพเลอร์ เช่น เลือกใช้ gccที่ได้ติดตั้งไว้แล้วในระบบ

ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการรัน (Run) หรือ ดีบัก (Debug) โปรแกรมที่ได้จากการคอมไพล์โค้ด main.c ผู้ใช้สามารถคลิกเลือกหมายเลขบรรทัดของซอร์สโค้ด เพื่อใช้เป็นตำแหน่งหยุดชั่วคราวได้ (เรียกว่า Breakpoints) เมื่อทำขั้นตอนดีบัก (Debug)

รูป: การทำขั้นตอน Run หรือ Debug

 


การใช้งาน SSH ด้วยวิธี Public Key Authentication#

โดยปรกติแล้ว การเปิดใช้งาน SSH ไปยังคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็น SSH Server จะต้องมีการป้อนรหัสของผู้ใช้สำหรับเครื่องดังกล่าว แต่มีอีกวิธีที่ไม่ต้องป้อนรหัสผ่าน แต่ใช้วิธีที่เรียกว่า SSH Public Key Authentication

ในกรณีนี้ ผู้ใช้จะต้องสร้างไฟล์ที่เป็นคู่กัน เรียกว่า RSA Public-Private Key Pair (4096-bit) และสามารถทำได้ โดยทำคำสั่ง ssh-keygen ใน Windows PowerShell

ssh-keygen -t rsa -b 4096

รูป: ทำคำสั่ง ssh-keygen ใน PowerShell เพื่อสร้างไฟล์ SSH Public-Private Key Pair

โดยทั่วไปแล้ว คำสั่งดังกล่าวจะสร้างไฟล์ในไดเรกทอรีของผู้ใช้ ได้แก่ ~/.ssh/id_rsa (Private key file) ซึ่งจะต้องเก็บรักษาไว้เป็นความลับ และไฟล์ ~/.ssh/id_rsa.pub (Public key file) ที่จะนำไปใช้งานสาธารณะ

เมื่อสร้างไฟล์ได้แล้ว ให้นำข้อความที่มีอยู่ในไฟล์ ~/.ssh/id_rsa.pub (Windows) ไปใส่ต่อท้ายในไฟล์ ~/.ssh/authorized_keys(Raspbian OS)

ให้ตรวจสอบดูว่า มีไฟล์ ~/.ssh/authorized_keys สำหรับไดเรกทอรีของผู้ใช้ ในระบบ Raspbian OS / Raspberry Pi แล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่มี ให้ทำคำสั่งต่อไปนี้ใน Bash Shell

$ mkdir -p ~/.ssh && touch ~/.ssh/authorized_keys

 

ขั้นตอนถัดไป เป็นการนำข้อมูลใน SSH Public Key บนเครื่องผู้ใช้ Windows ไปใส่ต่อท้ายในไฟล์ ~/.ssh/authorized_keys ในไดเรกทอรีของผู้ใช้ pi สำหรับ Raspbian OS โดยทำคำสั่งใน Windows Powershell ดังนี้

type "$env:USERPROFILE\.ssh\id_rsa.pub" |
ssh "pi@raspberrypi.local" "cat >> ~/.ssh/authorized_keys"

เมื่อทำคำสั่งสำเร็จแล้ว ให้ลองเข้าใช้งาน Raspberry Pi ด้วย ssh

ssh "pi@raspberrypi.local"

รูป: ตัวอย่างการทำคำสั่งใน PowerShell

 


กล่าวสรุป#

บทความนี้ได้นำเสนอขั้นตอนการใช้งาน VS Code IDE ร่วมกับ Remote Development Extension - SSH ในการเชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ไปยังระบบปฏิบัติการ Linux / Raspbian OS (64-bit version) ที่ทำงานงานด้วยบอร์ด Raspberry Pi

 


This work is licensed under a Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 International License.

Created: 2022-09-01 | Last Updated: 2022-09-09